สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

หอยชักตีน สมบัติล้ำค่าใต้ท้องทะเลไทย

หอยชักตีน  หรือที่รู้จักกันในชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Laevistrombus canarium หรือ Strombus canarium และชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า dog conch ในประเทศไทยเรานั้นเรียกแตกต่างกันไป บ้างก็เรียกว่า “หอยสังข์กระโดด” หรือ “หอยสังข์ตีนเดียว”  จัดเป็นหอยทะเลชนิดหนึ่งที่สามารถรับประทานได้ อยู่ในกลุ่มหอยฝาเดียว (gastropod mollusc) ในวงศ์ Strombidae หรือกลุ่มหอยสังข์ หอยชักตีนพบได้ในแถบอินโด-แปซิฟิก ตั้งแต่อินเดียและศรีลังกาจรดเมลานีเซีย ออสเตรเลีย และตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยมีบันทึกภาพประกอบในหนังสือตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 17

เครดิตภาพ: Strombus canarium โดย Anders Sandberg | Wikimedia Commons | CC BY 2.0

เปลือกหอยชักตีนโตเต็มวัยจะมีสีตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเหลืองทองและสีเทา ลักษณะเด่นคือเปลือกจะขดเป็นวง ขอบปากของเปลือกจะบานออกและหนา ความยาวของเปลือกในตัวที่โตเต็มวัยอยู่ระหว่าง 2.9 – 7.1 เซนติเมตร ผิวของเปลือกหอยด้านนอกเรียบ มีเส้นเกลียวที่แทบจะมองไม่เห็นและร่องเล็ก ๆ ที่บางครั้งเกิดขึ้นที่ปลายของเปลือก เปลือกหอยชนิดนี้นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องประดับ ชาวประมงพื้นถิ่นยังนำไปใช้เป็นตัวถ่วงน้ำหนักสำหรับอวนจับปลาอีกด้วย

หอยชักตีนมีลักษณะภายนอกคล้ายคลึงกับหอยสังข์ชนิดอื่นๆ โดยมีปากยื่นยาว ใช้หนวดรับความรู้สึก เท้าแข็งแรง มีฝาปิดเปลือกรูปเคียว ขณะเดียวกันก็พบว่ามีพฤติกรรมชอบมุดอยู่ใต้ทราย เคลื่อนตัวแบบก้าวกระโดด ถือว่าเป็นวิธีการเคลื่อนที่ที่ไม่เหมือนหอยทั่วไป โดยจะรับรู้อันตรายจากสัตว์ผู้ล่า เช่น หอยฝาเดียวที่กินเนื้อ ผ่านการรับกลิ่นและการมองเห็น แล้วจะกระโดดถี่ขึ้นเพื่อทำการหลบหนี

หอยชักตีนมักอาศัยอยู่บริเวณใต้ทะเลที่เป็นโคลนและทรายที่มีตะกอนที่อุดมไปด้วยสารอินทรีย์ มีสาหร่ายและหญ้าทะเล เมื่อฝังตัวแล้ว มักจะเห็นส่วนบนของเปลือกโผล่พ้นพื้นทราย  พบได้ทั้งบริเวณชายฝั่ง มักพบบริเวณเกาะขนาดใหญ่และชายฝั่งทวีปมากกว่าเกาะขนาดเล็ก  พบได้ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งไปจนถึงเขตใต้น้ำ ตั้งแต่บริเวณน้ำตื้นจนถึงความลึก 55 เมตร  มักพบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่

เนื้อของหอยชักตีนสามารถรับประทานได้ เป็นอาหารหลักของชาวบ้านตามชายฝั่งทะเล และมีการจับในหลายพื้นที่ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  เป็นหนึ่งในของดีขึ้นชื่อของจังหวัดกระบี่ ด้วยรสชาติที่ถูกปากทำให้กลายเป็นหอยที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภค จนทำให้เกิดการจับหอยชนิดนี้ขึ้นมาเพื่อจำหน่ายกันอย่างกว้างขวาง ทำให้ปริมาณหอยชักตีนตามธรรมชาติลดลง หาตัวที่มีขนาดใหญ่ได้น้อย จึงได้มีการรณรงค์ให้อนุรักษ์ทั้งหอยชักตีนและแหล่งอาหารสำคัญของหอย อย่างหญ้าทะเลและสาหร่าย โดยสนับสนุนให้งดจับ งดซื้อขายและงดบริโภคหอยชักตีนที่มีขนาดต่ำกว่า 6 เซนติเมตร เพราะหอยชักตีนมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศทางทะเล ทั้งในฐานะผู้กำจัดสาหร่ายและเศษซากอินทรีย์ และในฐานะแหล่งอาหารสำหรับสัตว์ชนิดอื่นๆ รวมถึงมนุษย์ การอนุรักษ์ประชากรหอยชักตีนจึงมีความสำคัญต่อการรักษาสมดุลของระบบนิเวศทางทะเลและการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืนของมนุษย์

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook