สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่ https://tarr.arda.or.th/ปี 2565

แรดิช: หัวกรุบกรอบสีสวย

แรดิช หรือ Radish (Raphanus sativus) เป็นพืชดอกในตระกูลผักกาดที่มีประวัติอันยาวนานและน่าสนใจ แม้ว่าทุกส่วนของต้นแรดิชจะรับประทานได้ แต่ส่วนที่เป็นที่นิยมมากที่สุดคือหัวอวบอ้วนใต้ดิน ซึ่งมีรสชาติเผ็ดซ่าและกรุบกรอบ มีการปลูกและบริโภคในเอเชียมาตั้งแต่ยุคโบราณ ก่อนที่จะแพร่หลายไปทั่วโลก

ในประวัติศาสตร์การแพทย์และอาหาร แรดิชปรากฏในบันทึกของนักปราชญ์หลายท่าน เช่น Asaph the Jew แพทย์ชาวยิวยุคกลาง ได้กล่าวถึงประโยชน์ของใบแรดิชในการเพิ่มมูกในร่างกาย Ibn Wahshiyya นักวิชาการชาวอาหรับที่มีความรู้ความสามารถทางการแพทย์และมีอิทธิพลต่อการแพทย์แผนโบราณ ได้ระบุว่าหัวแรดิชใช้เป็นส่วนผสมในยาถอนพิษ ส่วนไมโมนิเดส นักปรัชญาและแพทย์ชาวยิวที่มีชื่อเสียงในยุคกลางได้เน้นย้ำถึงคุณค่าทางการรักษาของแรดิช และอัล-วาร์ราค นักชิมชาวอาหรับ ใช้แรดิชเป็นเครื่องเคียงกับเมนูเนื้อนกกระจอกเทศและเป็นส่วนผสมในเมนูไก่ “คาร์ดานาจ”

เครดิตภาพ: Radish โดย Self, en:User:Jengod| Wikimedia Commons | CC BY-SA 3.0

แรดิชเป็นพืชที่มีอายุปีเดียวหรือ 2 ปี ปลูกเพื่อเก็บเกี่ยวส่วนรากที่เป็นหัว ซึ่งมีความหลากหลายทั้งรูปทรงและสีสัน แตกต่างกันไปตามสายพันธุ์ ซึ่งอาจมีรูปทรงกลม เรียวแหลม หรือทรงกระบอก สีของเปลือกหัวมีตั้งแต่ขาว ชมพู แดง ม่วง เหลือง เขียว ไปจนถึงดำ แต่เนื้อในมักเป็นสีขาวเสมอ พันธุ์ขนาดเล็กมีใบน้อย ยาวประมาณ 13 ซม. หัวกลมขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 2.5 ซม. หรืออาจจะมีขนาดเล็กเรียวกกว่าก็ได้ รากยาวถึง 7 ซม.ส่วนพันธุ์ที่มีรูปทรงยาว เช่น ไดคอนและวินเทอร์แรดิช มีความยาวถึง 60 ซม. ใบยาวประมาณ 60 ซม. ใบเรียงตัวซ้อนกันเป็นกลีบกุหลาบ ลักษณะขนนก ดอกสีขาว ผลเป็นฝักเล็กๆ ซึ่งสามารถรับประทานได้เมื่อยังอ่อน

แรดิชเป็นพืชที่ปลูกง่ายและเติบโตเร็ว เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำสวนครัว เมล็ดจะงอกภายใน 3-4 วัน ในสภาพที่มีความชื้นเหมาะสมและอุณหภูมิดินระหว่าง 18-29 องศาเซลเซียส เติบโตดีในอากาศเย็น ช่วงอุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 10-18องศาเซลเซียส ในสภาพปกติสามารถเก็บเกี่ยวได้ภายใน 3-4 สัปดาห์ แต่ในสภาพอากาศเย็นกว่าปกติอาจต้องใช้เวลา 6-7 สัปดาห์  แรดิชเติบโตได้ดีในที่ที่ได้รับแสงแดดเต็มที่ ชอบดินร่วนปนทราย เนื้อเบา โปร่ง ระบายน้ำดี ค่า pH ของดินระหว่าง 6.5 ถึง 7.0 สำหรับแรดิชพันธุ์ขนาดเล็กควรหยอดเมล็ดลึกประมาณ 1 ซม. ส่วนพันธุ์ขนาดใหญ่ให้หยอดลึกประมาณ 4 ซม. ระหว่างการเจริญเติบโตให้หมั่นถอนต้นที่ไม่สมบูรณ์ออก กำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ ให้น้ำอย่างพอเพียง

แรดิชได้รับความนิยมในการปลูกเป็นพืชสวนครัวในหลายภูมิภาคทั่วโลกที่มีสภาพภูมิอากาศอำนวย และด้วยคุณสมบัติที่ปลูกง่าย โตไว ทำให้แรดิชเป็นตัวเลือกที่ผู้ปกครองนำมาสอนเด็กๆ ทำสวน การปลูกแรดิชไม่เพียงแต่ให้ผลผลิตที่มีประโยชน์และรสชาติดี แต่ยังเป็นกิจกรรมที่สนุกและให้ความรู้สำหรับทั้งครอบครัวอีกด้วย

สามารถสืบค้นผลงานวิจัยและองค์ความรู้การเกษตร ได้ที่  https://tarr.arda.or.th

พันธมิตร

Chulabook